วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

น้ำยาเอนกประสงค์

ำยาซักผ้า ล้างจาน ล้างรถ สูตรชีวภาพ ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ราคาถูกมากๆ
        คุณ
เคยคำนวณบ้างหรือไม่ว่าในแต่ละเดือนครอบครัวของเราจ่ายเงินไปเท่าไรในการซื้อผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างรถ หรือน้ำยาทำความสะอาดสารพัดล้าง แล้วสินค้าที่เราซื้อมาใช้นั้นดีจริงอย่างที่เขาโฆษณาหรือเปล่า วันนี้เรามาลองใช้ภูมิปัญญาเพื่อพึ่งพาตนเองกันเถอะ มาทำผลิตภัณฑ์ดีๆ ราคาถูกมากๆใช้เองดีกว่า จะขอเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า "น้ำยาอเนกประสงค์ สูตร 2 พลัง" ซึ่งใช้ซักล้างได้สารพัด ทั้งซักผ้า ล้างจาน ล้างรถ ทำความสะอาดพื้น ล้างคราบสกปรก และมีพลังขจัดคราบมากเป็น 2 เท่า คือ ทั้งจากสารขจัดคราบ และ จากกรดในน้ำหมักชีวภาพสูตรผลไม้
  ส่วนผสม    1. EMAL 270 TH หรือ N 70 (หัวแชมพู)                           1     กก.
                  2. EMAL 10 P (ผงฟอง)                                           200    กรัม
                  3. Sodium chloride (ผงข้น)                                      500     กรัม
                  4. น้ำสะอาด                                                       10-11    กก.
                  5. NEOPELEX  F 50(สารขจัดคราบชนิดเข้มข้น)          500-700    กรัม
                      (ถ้าใช้สารขจัดคราบชนิดธรรมดา NEOPELEX  F 24 ใช้        1    กก.)
                  6.น้ำหมักชีวภาพ(สูตรเนื้อมะกรูด)                                        2    กก.
                     (หรือจะใช้น้ำหมักชีวภาพที่หมักจากผลไม้รสเปรี้ยวชนิดอื่นๆที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นทดแทนกันได้ เช่น สับปะรด มะเฟือง มะนาว ฯลฯ ดูข้อมูลการทำน้ำหมักชีวภาพเพิ่มเติมได้ในเรื่องผลไม้ลดโลกร้อน)
                  7.น้ำหอมกลิ่นตามชอบ(จะไม่ใส่เลยก็ได้)   


         วิธีทำ  
            1. ใส่หัวแชมพู ผงฟอง และผงข้นลงในภาชนะ(ควรเทผงฟองต่ำๆเบา ๆ เพราะจะฟุ้ง และสูตรที่ให้นี้จะได้น้ำยาปริมาณมากถึง 15 ลิตร ควรใช้ถังพลาสติกก้นเรียบใบใหญ่ๆในการผสม) 
            2. ใช้พายคนส่วนผสมทั้ง 3 อย่าง ให้เข้ากันให้มากที่สุด(ประมาณ 5 นาที ส่วนผสมจะเป็นครีมขาว ข้น ฟู คล้ายๆกับครีมแต่งหน้าขนมเค้ก) แต่อาจยังมีเสียงดังแกรก ๆ เหมือนมีเม็ดทรายอยู่เล็กน้อย
            3. ค่อยๆเติมน้ำสะอาดทีละน้อยๆพร้อมกับคนส่วนผสมให้ละลายเข้ากันไปเรื่อยๆ (ถ้าใส่น้ำครั้งเดียวหมด ส่วนผสมจะเป็นก้อน คนให้ละลายเข้ากันได้ยากมาก)            
            4. เมื่อใส่น้ำจนครบตามจำนวนจึงใส่สารขจัดคราบแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน  
            5. ใส่น้ำหมักชีวภาพ แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน(ถ้าใช้น้ำหมักชีวภาพที่หมักจากผลไม้ นาน 3 เดือนขึ้นไป
เมื่อผสมแล้วจะเก็บน้ำยาได้นานเป็นปี โดยไม่เสียง่าย)
               
ถ้าไม่มีน้ำหมักชีวภาพมะกรูดที่หมักจนได้ที่แล้ว แต่ต้องการรีบใช้น้ำยา จะใช้น้ำมะกรูดต้มแทนก็ได้  
ทำโดยหั่นผลมะกรูดตามขวางลูก ผสมกับน้ำสะอาดหรือน้ำซาวข้าวให้ท่วมเนื้อมะกรูด นำไปต้มจนเนื้อมะกรูดเปื่อยดี
แล้วจึงกรองเอาเฉพาะน้ำมาใช้ แต่การใช้น้ำมะกรูดต้มนี้ เมื่อผสมเป็นน้ำยาแล้ว จะเก็บได้นานประมาณ  1 เดือนเท่านั้น ถ้าเกินกว่านี้ น้ำยาจะมีกลิ่นคล้ายน้ำดองผักหรือผลไม้ ไม่น่าใช้ 

            6.ใส่น้ำหอม คนส่วนผสมให้เข้ากันดี(จะไม่ใส่น้ำหอมเลยก็ได้ ถ้าใช้เป็นน้ำยาล้างจานไม่ควรใส่
น้ำหอมเลย)
            7.ตั้งทิ้งไว้ให้ฟองยุบตัว(1 คืน)จึงกรอกใสภาชนะเก็บไว้ใช้

หมายเหตุ
 
       ความจริงแล้วน้ำยาทำความสะอาดต่างๆที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่วๆไปนั้น มี ส่วนผสม สูตร และวิธีทำคล้ายๆกัน อาจมีข้อแตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น ชื่อของหัวแชมพู ชื่อของสารขจัดคราบ ปริมาณของส่วนผสม เพียงแต่น้ำยาฯ ที่ผลิตขายกันทั่วไปตามท้องตลาดนั้น จะใส่สีและกลิ่นให้ต่างกันออกไป จึงเรียกเป็นน้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างรถ ฯลฯ  ผู้ใช้จึงคิดว่าน้ำยาแต่ละชนิดที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดต่างกันด้วย และน้ำยาต่างๆที่ขายทั่วไปนั้น จะไม่มีส่วนผสมของสารชีวภาพแต่ใส่สีและกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ(ดูได้จากโฆษณา น้ำยา...กลิ่นมะกรูด กลิ่นมะนาว กลิ่นสตรอเบอรี่) 
       

      น้ำยาอเนกประสงค์สูตรที่ให้ไปนี้ สูตรเดียวสามารถใช้ได้ทั้งซักผ้า ล้างจาน ล้างรถ  ทำความสะอาดพื้น ขอแนะนำว่าน้ำยาอเนกประสงค์ที่เราทำใช้เองไม่จำเป็นต้องใส่สีเลย(ลดการใช้ทรัพยากร ลดการใช้สารเคมี) และการทำน้ำยาสำหรับล้างจานไม่ควรใส่กลิ่น (ลดปริมาณสารเคมีตกค้าง) การทำน้ำยาซักผ้า อาจเลือกใช้กลิ่นที่ชอบและใส่เท่าที่คิดว่าหอมเพียงพอแล้ว  ส่วนการทำน้ำยาล้างรถ น้ำยาทำความสะอาดพื้น จะใส่กลิ่นหรือไม่ก็ได้  น้ำหอมแต่ละกลิ่นก็มีราคาถูก-แพงแตกต่างกัน (หรือจะทำสูตรเดียวโดยไม่ต้องใส่น้ำหอมเลย แล้วใช้ทุกอย่างก็ได้)   สำหรับการขจัดคราบที่สกปรกมาก อาจใส่สารขจัดคราบและน้ำหมักชีวภาพเพิ่มได้อีก แต่ถ้าใส่มากเกินไปจะกัดมือ   และถ้าใส่น้ำหมักชีวภาพแล้วไม่จำเป็นต้องใส่สารกันเสีย เพราะน้ำหมักชีวภาพจะช่วยกันเสียได้ ตามสูตรนี้เมื่อผสมเสร็จแล้วจะได้น้ำยาประมาณค่อนถังสีพลาสติกใบใหญ่ ครอบครัวเล็กๆใช้ไปได้หลายเดือนเลย
การใช้น้ำยาอเนกประสงค์สูตรน้ำหมักชีวภาพสำหรับการซักผ้า
     
เพียงใส่น้ำยาฯลงในน้ำสะอาด(ปริมาณใกล้เคียงกับการใช้น้ำยาซักผ้าทั่วๆไป) แล้วผสมน้ำยาฯให้ละลายเข้ากันกับน้ำ นำผ้าลงแช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที   จากนั้นก็ซักเหมือนกับการซักผ้าด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าทั่วๆไป แต่การซักผ้าด้วยน้ำยาอเนกประสงค์สูตรชีวภาพนี้ มีข้อดีกว่าการซักผ้าด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าทั่วๆไปหลายประการ ดังนี้(ได้พิสูจน์มาแล้วทั้งด้วยตัวครูป้าเองและคนรอบข้าง)   1. ราคาถูกกว่า ประหยัดเงินมากกว่า และทำได้เองในครัวเรือน
   2. ใช้ง่ายกว่าผงซักฟอก เพราะน้ำยาละลายน้ำง่ายกว่า
   3. ใช้ซักผ้าได้ทั้งแบบซักด้วยมือ และซักเครื่อง(จะไม่มีคราบแป้งขาวๆติดผ้า)
   4.
ขจัดคราบสกปรกได้ดี เบาแรงขยี้ ถนอมมือ
   5. ถึงแช่ผ้าทิ้งไว้ค้างคืน น้ำซักผ้าก็ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า(เพราะไม่มีส่วนผสมของแป้ง)
   6. เมื่อผ้าแห้งแล้วจะมีกลิ่นสะอาด ไม่เหม็นอับ
   7. แม้ตากผ้าไว้ในที่ร่ม หรือตากผ้าตอนกลางคืน ก็ไม่มีกลิ่นเหม็น
   8. ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ไม่มีแสงแดด ตากผ้าไว้แล้วไม่แห้งภายในวันเดียวผ้าก็ไม่เหม็นอับ
   9. เสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วจะมีกลิ่นเหม็นน้อยกว่าเสื้อผ้าที่ซักทั่วๆไป(น้ำหมักชีวภาพจะช่วยยับยั้งกลิ่นเหม็น)
  10. ถนอมเส้นใยผ้า เสื้อผ้าไม่เก่าเร็ว
  11. น้ำทิ้งจากการซักผ้า เมื่อนำไปรดต้นไม้จะโตดี มีโรคและแมลงรบกวนน้อย
  12. น้ำทิ้งจากการซักผ้า เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า(เพราะไม่มีส่วนผสมของโซดาไฟ,สีสังเคราะห์)
 

3 ความคิดเห็น: