วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

น้ำยาอเนกประสงค์

น้ำยาเอนกประสงค์ (สูตรชีวภาพ)
 
 
   
จันทร์, 20 มิถุนายน 2554 09:01

 
   
 
เนื่องจากในการดำเนินชีวิตบนวิถีแห่งเศรษฐกิจพอเพียงนั้น การลดรายจ่ายของครอบครัวเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะรายจ่ายสำหรับซื้อน้ำยาหรือสารทำความสะอาด เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า หรือทำความสะอาดต่าง ๆ นั้น เป็นรูรั่วทางการเงินที่สำคัญ ซึ่งทำให้แต่ละบ้านต้องจ่ายเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อย การทำน้ำยาเอนกประสงค์ด้วยวิธีการที่ง่ายดายเพื่อใช้เองและอุดรูรั่วทางการเงินของครอบครัว ด้วยผลผลิตเหลือกินเหลือใช้และหาได้ง่ายในท้องถิ่น จึงถือเป็นทางเลือกแห่งวิถีการพึ่งตนเองที่ชาญฉลาดของครอบครัวยุคใหม่
น้ำหมักชีวภาพ คือของเหลวสีน้ำตาล ที่มีทั้งจุลินทรีย์และสารอินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อการเพาะปลูก เป็นส่วนประกอบหนึ่งของน้ำยาเอนกประสงค์สูตรชีวภาพ สามารถทำใช้ได้ทุกครัวเรือน โดยนำผลไม้หรือพืชผัก และเศษอาหาร มาหมักกับน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลอ้อย หรือกากน้ำตาล หมัก 15 วัน - 3 เดือน (ยิ่งนานยิ่งดี) ก็จะได้น้ำหมักที่มีจุลินทรีย์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ใช้ซักผ้า ล้างห้องน้ำ ล้างรถ เช็ดกระจก ดับกลิ่น ใช้ใส่แผลฟกซ้ำ ใช้เป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ รักษาสภาพดิน ใช้แทนสบู่ได้เพราะมีกรดอ่อน ๆ ใช้แทนยาสระผม หรือใช้แทนผงซักฟอกก็ได้ และยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่เกิดเป็นมลพิษต่อโลก เพราะสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
น้ำยาเอนกประสงค์ สูตรชีวภาพ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
  1. ถังพลาสติกสีเข้มมีฝาปิดมิดชิด ขนาดความจุ 32 แกลลอน 1 ใบ
  2. ตะกร้าพลาสติก
  3. เครื่องชั่งน้ำหนัก
  4. ถ้วยตวงน้ำ 1 ใบ
  5. ช้อน ไม้พาย สำหรับคน 1 อัน
  6. ผ้าขาวบางสำหรับกรอง 1 ผืน
  7. ช้อนตวง 1 ชุด
ส่วนผสม
  1. เปลือกสับปะรดหรือผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะกรูด มะนาว มะเฟือง ปริมาณ 30 กก. (สรรพคุณเป็นกรด ขจัดคราบมัน)
  2. หัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพหรือ EM 1.5 กก. (สรรพคุณช่วยย่อยสลายสับปะรด)
  3. น้ำตาลทรายแดง 1 กก. (เป็นอาหารของจุลินทรีย์)
  4. น้ำสะอาดไม่มีคลอรีน (น้ำประปาพักไว้ 1 คืน ก่อนน้ำมาใช้)
วิธีทำ
  1. ล้างถังและตะกร้าพลาสติก ทิ้งไว้ให้แห้ง นำตะกร้าใส่ในถังพลาสติก
  2. นำเปลือกสับปะรดหรือผลไม้รสเปรี้ยวมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วแช่ในน้ำหมักชีวภาพ 1:100 เพื่อสร้างสารเคมีที่ติดมากับเปลือก แช่ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง
  3. สับเปลือกสับปะรดหรือผลไม้รสเปรี้ยวเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปเทใส่ในตะกร้า
  4. นำน้ำตาลทรายแดงผสมกับน้ำหมักชีวภาพหรือ EM คนจนละลายหมด
  5. นำส่วนผสมข้อ 3 และ 4 เทลงในตะกร้าสับปะรด คนให้เข้ากัน เติมน้ำสะอาดให้ท่วม ปิดฝาทิ้งไว้ เมื่อหมักได้ 2-3 วัน คนให้เข้ากันอีกครั้ง หมักต่อจนครบ 15 วัน จึงเปิดออก กรองด้วยผ้าขาวบางโดยไม่ต้องบีบคั้นกาก นำน้ำสกัดชีวภาพที่กรองใส่ถังปิดไว้ให้แน่น และปล่อยให้ตกตะกอนอีก 2-3 วัน ระยะแรก ๆ สีของน้ำจะขุ่นต่อมาจะตกตะกอน กลิ่นจะฉุนคล้ายไวน์มากขึ้นเรื่อย ๆ และสีจะใสน่าใช้ยิ่งขึ้น (หากคั้นกากน้ำสกัดที่ได้สีจะขุ่นไม่น่าใช้ ส่วนกากที่เหลือสามารถนำไปผสมดินปลูกต้นไม้ได้)
ถังที่หมักควรเก็บไว้นี่มีแสงน้อยภายในห้องหรือในที่ร่มอุณหภูมิปกติ เพราะเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำหมักชีวภาพชอบความมืดและต้องอยู่ในที่ไม่ร้อนจัดหรือเย็นจัด 
การหมักจะเกิดฝ้าขาวเหนือผิวน้ำแสดงว่าการหมักได้ผล เมื่อกวนลงไปฝ้าสีขาวจะสลายตัวกลับไปอยู่ในน้ำเหมือนเดิม
วิธีใช้
ใช้ล้างจาน พื้นห้องน้ำ พื้นบ้าน โดยไม่ต้องผสมน้ำ ใช้เหมือนน้ำยาตามท้องตลาด การล้างจานจำนวนมากควรแช่ในน้ำยาผสมน้ำ อัตราส่วน 1
:5 แช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีก่อนล้าง เพื่อให้สะอาดทั่วถึง แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรตากจานให้แห้งก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันการตกค้างของจุลินทรีย์ในหยดน้ำที่เกาะอยู่บนจาน
น้ำยาเอนกประสงค์สามารถนำไปใช้ในการขจัดครบมันได้เป็นอย่างดี จากสองพลังบวก คือกรดเปรี้ยวจากน้ำผลไม้ซึ่งช่วยทำให้ไขมันแตกตัวและเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งจะย่อยคราบไขมันทำให้ไม่มีกลิ่นตกค้างเหม็นบูด อีกทั้งยังถนอมมือไม่ทำให้มือแห้งแตกหรือลอกเหมือนน้ำยาเคมีตามท้องตลาด ที่สำคัญไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
หมายเหตุ
วัสดุที่ใช้แทนเปลือกสับปะรด ได้แก่ มะขามเปียก มะกรูด มะเฟือง กากกระเจี๊ยบที่ต้มน้ำแล้ว เปลือกมะนาว เปลือกส้ม เปลือกเสาวรส เปลือกส้มโอ หรือเปลือกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ๆ เพราะมีสภาพเป็นกรดเหมือนสับปะรด ฤดูกาลไหน วัสดุใดมีราคาถูกก็ใช้วัสดุนั้น ตามหลักควรใช้เปลือก หลังจากหมักทำน้ำยาก็เอากากที่หมักแล้วไปทำปุ๋ย ไม่มีการทิ้งเปล่า การทำน้ำยาเอนกประสงค์จำนวนมากน้อยให้ใช้ตามสัดส่วนดังกล่าวข้างต้น
 
 

© สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2548 โดย สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6  จังหวัดเชียงใหม่
เลขที่ 13 ถนนอารักษ์ ซอย 5 ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200

 









การทำน้ำยาสระผม สูตรอีเอ็ม-มะกรูด

อีเมล พิมพ์ PDF
วัตถุดิบ
1. มะกรูดแก่ ๆ 30 กก. สรรพคุณรักษารังแค
2. EM หัวเชื้อ 1.25 ลิตร สรรพคุณช่วยย่อย ป้องกันการบูดเสีย
3. น้ำตาลทรายแดง 1.25 กก. สรรพคุณเป็นอาหาร EM
4. น้ำสะอาด 1 ถัง ตั้งพักไว้ 1 คืน ให้หมดกลิ่นคลอรีน
5. ดอกอัญชัญตากแห้ง 700 กรัม สรรพคุณทำให้ผมดกดำ เงาเป็นประกาย ปลูกผม
6. ใบย่านางสด (เฉพาะใบ) 2 กก. สรรพคุณทำให้ผมนุ่มสลวย หวีง่าย (ประมาณ 20 ถุงๆ ละ 20 บาท)
7. N70 (ผงหนืด ประมาณ 3 - 4 กก.)
8. เกลือแกง หรือ เกลือสินเธาว์ (เกลือที่รับประทานได้ 1ถุงเล็ก)

อุปกรณ์
1. ถังพลาสติกมีฝาปิด ขนาด 32 แกลลอน 1 ถัง
2. ผ้าขาวบาง 1 ผืน
3. ไม้พายอันใหญ่ 1 อัน สำหรับคนวัตถุดิบ
4. ตาชั่ง
5. ถ้วยตวง
6. มีด เขียง
7. กะละมัง

วิธีการทำ
1. การทำน้ำหมัก
1.1 นำมะกรูดทั้งลูกมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ
1.2 นำ EM น้ำตาลทรายแดง ละลายให้เข้ากัน
1.3 นำวัสดุในข้อ 1.1 และ 1.2 ใส่ในถุงตาข่าย คลุกให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำสะอาดที่เตรียมไว้ให้ท่วมเนื้อมะกรูด ปิดฝาให้มิดชิด หมักทิ้งไว้ 1 เดือน จะได้น้ำหมักมะกรูด จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาใช้

ขั้นตอนก่อนผสม
1. นำดอกอัญชัญตากแห้งมาต้มเคี่ยวให้เดือด ทิ้งไว้ให้อุ่น แล้วกรองเอาแต่น้ำ หากต้องการผมดกดำ ให้เพิ่มปริมาณดอกอัญชัญ
2. นำใบหญ้านางสด เฉพาะใบมาหั่น ปั่นหรือตำ จากนั้นนำมาต้มเคี่ยวให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วกรองเอาแต่น้ำ
วิธีการผสม
นำน้ำมะกรูดที่หมักได้มาเติมน้ำดอกอัญชัญ น้ำใบหญ้านาง โดยเติมทีละชนิดตามลำดับ ค่อยๆ กวนทีละชนิดให้เข้ากับน้ำหมักมะกรูด

ขั้นตอนการเติม N70 เติม N70 5% ของน้ำหมักมะกรูดที่ผสมกับน้ำอัญชัญ และใบย่านาง เช่น น้ำหมัก 1 กก. (1,000 กรัม หรือ 1,000 CC) เติม N70 50 กรัม หรือ 50 CC (ก่อนเติมให้กวน N70 ให้ละลาย โดยใส่เกลือผสมเล็กน้อยค่อยๆ กวนจนละลาย) ปล่อยทิ้งไว้จนฟองหาย ประมาณ 1 คืน จึงนำมาบรรจุขวด

วิธีการใช้ ก่อนสระผม ควรชโลมผมให้เปียกเสียก่อน เพื่อให้มะกรูดออกฤทธิ์เป็นกรดน้อยลง จากนั้นนำน้ำยาสระผมชโลมให้ทั่วหนังศีรษะและเส้นผม หมักทิ้งไว้ 10 - 15 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำ โดยไม่ต้องใช้ครีมนวดผม

สรรพคุณ สระผมด้วยน้ำมะกรูดจะทำให้เส้นผมลื่นเป็นมัน ไม่แห้งกรอบ ไม่หงอกเร็ว ไม่ร่วง
ช่วยบำรุงรากผมและหนังศีรษะไม่ให้เป็นรังแค ทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงางาม มีน้ำหนัก หวีง่าย

โดยกลุ่มงานชีววิถี เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โทร.02-436-3432
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.apichoke.com/index.php?topic=403.0
Joomlart






้ำหมักชีวภาพ ทำง่าย ประโยชน์เพียบ

น้ำหมักชีวภาพ

วิธีทำ น้ำหมักชีวภาพ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สสส.

          ช่วงนี้เราอาจจะได้ยินชื่อ "น้ำหมักชีวภาพ" บ่อยขึ้น ว่าแต่เพื่อน ๆ รู้จักไหมว่า จริง ๆ แล้ว "น้ำหมักชีวภาพ" คืออะไร บริโภคได้หรือไม่ แล้วเราจะทำน้ำหมักชีวภาพขึ้นมาใช้เองได้อย่างไร เอ้า...ตามมาดูกันเลย

          น้ำหมักชีวภาพ หรือ น้ำสกัดชีวภาพ หรือ ปุ๋ยน้ำจุลินทรีย์ ตามแต่จะเรียก เป็นสารละลายเข้มข้นที่ได้จากการหมักเศษพืช หรือสัตว์ กับสารที่ให้ความหวาน จนถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการแล้วจะได้สารละลายเข้มข้นสีน้ำตาล ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ และสารอินทรีย์หลายชนิด

          เดิมทีนั้นจุดประสงค์ของการคิดค้น "น้ำหมักชีวภาพ" ขึ้นมา เพื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตรโดยเฉพาะ แต่ช่วงหลังก็มีการนำน้ำหมักชีวภาพ มาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในด้านอื่นเช่นกัน คือ

          ด้านการเกษตร น้ำหมักชีวภาพ มีธาตุอาหารสำคัญ ทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แคลเซียม กำมะถัน ฯลฯ จึงสามารถนำไปเป็นปุ๋ย เร่งอัตราการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มคุณภาพของผลผลิตให้ดีขึ้น และยังสามารถใช้ไล่แมลงศัตรูพืชได้ด้วย

          ด้านปศุสัตว์ สามารถช่วยกำจัดกลิ่นเหม็น น้ำเสียจากฟาร์มสัตว์ได้ ช่วยป้องกันโรคระบาดต่าง ๆ ในสัตว์แทนการให้ยาปฏิชีวนะ ทำให้สัตว์แข็งแรง มีความต้านทานโรค ช่วยกำจัดแมลงวัน ฯลฯ

          ด้านการประมง ช่วยควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ช่วยแก้ปัญหาโรคพยาธิในน้ำ  ช่วยรักษาโรคแผลต่าง ๆ ในปลา กบ จระเข้ได้ ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ ช่วยให้เลนไม่เน่าเหม็น สามารถนำไปผสมเป็นปุ๋ยหมักใช้กับพืชต่าง ๆ ได้ดี

          ด้านสิ่งแวดล้อม น้ำหมักชีวภาพ สามารถช่วยบำบัดน้ำเสียจากการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม ชุมชน และสถานประกอบการทั่วไป แถมยังช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นจากกองขยะ การเลี้ยงสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสภาพอากาศที่เสียให้สดชื่น และมีสภาพดีขึ้น

         ประโยชน์ในครัวเรือน เราสามารถนำน้ำหมักชีวภาพ มาใช้ในการซักล้างทำความสะอาด แทนสบู่ ผงซักฟอก แชมพู น้ำยาล้างจาน รวมทั้งใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำ โถส้วม ท่อระบายน้ำ ฯลฯ ได้ด้วย

          เห็นประโยชน์ใช้สอยของ น้ำหมักชีวภาพ มากมายขนาดนี้ ชักอยากลองทำน้ำหมักชีวภาพดูเองแล้วใช่ไหมล่ะ จริง ๆ แล้ว น้ำหมักชีวภาพ มีหลายสูตรตามแต่ที่ผู้คิดค้นขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยต่าง ๆ กัน วันนี้เราก็มี วิธีทำ น้ำหมักชีวภาพ แบบง่าย ๆ มาฝากกันด้วย

วิธีทำ น้ำหมักชีวภาพ เพื่อการเกษตร

          เราสามารถเลือกส่วนผสมจาก พืช ผลไม้สุก หรือสัตว์ อย่างหอยเชอรี่ ในการทำน้ำหมักชีวภาพ ได้

          ส่วนผสม : เราสามารถเลือกส่วนผสมจาก พืช ผลไม้สุก หรือสัตว์ อย่างหอยเชอรี่ อย่างใดอย่างหนึ่ง ในการทำน้ำหมักชีวภาพ โดยสับเป็นชิ้นเล็ก 3 ส่วน, กากน้ำตาล 1 ส่วน (อาจใช้น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาว ผสมน้ำมะพร้าว 1 ส่วนแทนได้) น้ำเปล่า 10 ส่วน

          วิธีทำ : นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้ากัน แล้วบรรจุลงในถังหมักพลาสติก หรือขวดปิดฝาเก็บไว้ในที่ร่ม นานประมาณ 3 เดือน แล้วจึงสามารถนำไปใส่เป็นปุ๋ยให้พืชผักผลไม้ได้ โดย

          ใช้น้ำหมักชีวภาพ อัตราส่วน 10 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อบำรุงใบพืชผักผลไม้

          ใช้น้ำหมักชีวภาพอัตราส่วน 15-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ให้ดินร่วนซุย

          ใช้น้ำหมักชีวภาพ อัตราส่วน 1 ส่วน น้ำ 1 ส่วน เพื่อกำจัดวัชพืช

          ทั้งนี้ มีเทคนิคแนะนำว่า หากต้องการบำรุงส่วนใบพืช ก็ให้ใช้ส่วนใบยอดพืชมาหมัก หากต้องการบำรุงผล ให้ใช้ส่วนผล เช่น กล้วยน้ำว้าสุก มะละกอสุก เปลือกสับปะรด ฟักทองมาหมัก หรือหากต้องการใช้กำจัดศัตรูพืข ควรหมักสะเดา ตะไคร้หอม ข่า แยกต่างหากด้วย เมื่อจะใช้ก็นำมาผสมฉีดพ่นพืชผักผลไม้

          นอกจากนี้ หากใช้สายยางดูดเฉพาะน้ำใส ๆ จากน้ำหมักชีวภาพที่หมักได้ 3 เดือนแล้วออกมา จะเรียกส่วนนี้ว่า "หัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพ" เมื่อนำไปผสมอีกครั้ง แล้วหมักไว้ 2 เดือน จะได้หัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพอายุ 5 เดือน ซึ่งหากขยายต่ออายุทุก ๆ 2 เดือน จะได้หัวเชื้อที่อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และประสิทธิภาพสูงมากขึ้น

วิธีทำ น้ำหมักชีวภาพ เพื่อการซักล้าง

          น้ำหมักชีวภาพ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการซักล้างได้ โดยมีสูตรให้นำผลไม้ เปลือกผลไม้ (ฝักส้มป่อย , มะคำดีควาย , มะนาว ฯลฯ) 3 ส่วน น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลอ้อย 1 ส่วน และน้ำ 10 ส่วน ใส่รวมกันในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท โดยให้เหลือช่องว่างไว้ประมาณ 1 ใน 5 ของขวด/ถัง แล้วหมั่นเปิดฝาคลายแก๊สออก โดยต้องวางไว้ในที่ร่ม อย่าให้ถูกแสงแดด หมักไว้นาน 3 เดือน ก็จะได้น้ำหมักชีวภาพ สำหรับซักผ้า หรือล้างจานได้ ซึ่งสูตรนี้แม้ว่าผ้าจะมีราขึ้น หากนำผ้าไปแช่ทิ้งไว้ในน้ำหมักชีวภาพก็จะสามารถซักออกได้


น้ำหมักชีวภาพ

วิธีทำ น้ำหมักชีวภาพ


วิธีทำ น้ำหมักชีวภาพ เพื่อดับกลิ่น

          สูตรหนึ่งของการทำน้ำหมักชีวภาพมาดับกลิ่น คือ ใช้เศษอาหาร พืชผัก ผลไม้ที่เหลือทิ้ง 3 ส่วน กากน้ำตาลหรือโมลาส 1 ส่วน และน้ำ 10 ส่วน  ใส่รวมกันในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท โดยให้เหลือช่องว่างไว้ประมาณ 1 ใน 5 ของขวด/ถัง หมักไว้นาน 3 เดือน ก็จะได้น้ำหมักชีวภาพใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำ โถส้วม ท่อระบายน้ำ กลิ่นปัสสาวะสุนัข ฯลฯ ได้อย่างดี

ข้อควรระวังในการใช้ น้ำหมักชีวภาพ

          1. หากใช้น้ำหมักชีวภาพกับพืช ต้องใช้ปริมาณเจือจาง เพราะหากความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และตายได้

          2. ระหว่างหมัก จะเกิดก๊าซต่าง ๆ ในภาชนะ ดังนั้นต้องหมั่นเปิดฝาออก เพื่อระบายแก๊ส แล้วปิดฝากลับให้สนิททันที

          3. หากใช้น้ำประปาในการหมัก ต้องต้มให้สุก เพื่อไล่คลอรีนออกไปก่อน เพราะคลอรีนอาจเป็นอันตรายต่อจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก

          4. พืชบางชนิด เช่น เปลือกส้ม ไม่เหมาะในการทำน้ำหมักชีวภาพ เพราะน้ำมันที่เคลือบผิวเปลือกส้มเป็นพิษต่อจุลินทรีย์

น้ำหมักชีวภาพเพื่อการบริโภค

          เราอาจเคยได้ยินข่าวว่า มีคนนำน้ำหมักชีวภาพมาใช้บริโภคกันด้วย ซึ่งน้ำหมักชีวภาพที่ใช้ในการบริโภค หรือ เอนไซม์ เป็นสารโปรตีน วิตามินเอ บี ซี ดี อี เค อะมิโนแอซิค(Amino acid) และ อะเซทิลโคเอ (Acetyl Coa) ที่ได้จาก หมักผลไม้นานาชนิด เมื่อหมักระยะเริ่มแรกจะเป็นแอลกอฮอล์ ระยะต่อมา เป็นน้ำส้มสายชู ซึ่งมีรสเปรี้ยว อีกระยะหนึ่งเป็นยาธาตุ มีรสขม ก่อนจะได้เป็นน้ำหมักชีวภาพ (เอ็นไซม์) ซึ่งใช้เวลาหมักขยายประมาณ 2 ปี แต่หากจะนำไปดื่มกินควรผ่านการหมักขยายเป็นเวลา 6 ปีขึ้นไป

          โดยประโยชน์จากน้ำหมักชีวภาพนั้น หากมีการนวัตกรรมการผลิตที่ดีจะส่งผลดีต่อสุขภาพของระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ทำให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้น และช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ แต่น้ำหมักชีวภาพ ที่ขายอยู่ตามท้องตลาด มักเป็นน้ำหมักชีวภาพที่อยู่ในสภาพเป็นแอลกอฮอล์ ดังนั้นเมื่อดื่มกินแล้วอาจมีอาการร้อนวูบวาบ มึนงง และอาจทำให้ฟันผุกร่อนได้ เพราะน้ำหมักชีวภาพ (เอนไซม์) มีสภาพเป็นกรดสูง ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มน้ำหมักชีวภาพแบบเข้มข้น

          อย่างไรก็ตาม การทำน้ำหมักชีวภาพ ที่ใช้บริโภคนั้น ยังขาดข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับ หากดื่มกินเข้าไปก็เสี่ยงต่ออันตรายได้ โดยเฉพาะมีข้อมูลจาก สวทช. ร่วมกับ อย.ที่ได้เก็บตัวอย่างของผลิตภัณฑ์น้ำหมักชีวภาพที่วางขายตามท้องตลาดมาตรวจสอบ พบว่า น้ำหมักชีวภาพเหล่านี้ แม้จะไม่มีการปนเปื้อนของโลหะ เศษไม้ เศษดิน แต่พบการปนเปื้อนของเชื้อรา ยีสต์ เมทิลแอลกอฮอล์ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งผลต่อระบบประสาทและตา โดยเฉพาะเมทานอล หรือเมธิลแอลกอฮอล์ที่ทำอันตรายต่อร่างกายได้

          ดังนั้นแล้ว เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา รวมทั้งต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต แหล่งผลิต และบรรจุภัณฑ์หีบห่อด้วย แต่ถ้าหากจะนำ "น้ำหมักชีวภาพ" มาใช้ในครัวเรือน หรือการเกษตร ลองทำง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ก็จะปลอดภัยและประหยัดที่สุด
 
 
 
 
 
 
 
1.ชื่อเรื่อง   การทำน้ำยาล้างจานจากน้ำหมักมะกรูด
2.ชื่อผู้ร่วมดำเนินการจัดการความรู้               
2.1  ชื่อผู้บริหาร  นายสมาน ขอดจันทึก  เกษตรอำเภอโนนสูง                
2.2  ชื่อสกุลผู้ดำเนินการ  นางสิริพร หมีทอง  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6 ว                
2.3  ชื่อสกุลผู้จดบันทึก  นางสาวอาจรี วิเศษศรี   นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6 ว                
2.4  ชื่อสกุลเจ้าขององค์ความรู้  นางถนอมสิน จูงกลาง บ้านเลขที่ 5  หมู่ที่ 6   ตำบลใหม่   อำเภอโนนสูง  จังหวัดนครราชสีมา
3.วันเดือนปี  ที่ดำเนินการจัดการความรู้    29  กรกฏาคม  2551
4.  สถานที่ดำเนินการจัดการความรู้  ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์สาธิตการตลาดบ้านจันดุม  หมู่ที่ 6  ตำบลใหม่  อำเภอโนนสูง  จังหวัดนครราชสีมา
5.   ส่วนนำ   มะกรูดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ 3 เมตร ในชนบทมีการปลูกมะกรูดเพื่อใช้สอยแทบทุกครัวเรือน ใบมะกรูดนำไปซอยหรือเด็ดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ปรุงรสในต้มยำ เปลือกผลมะกรูด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ตำรวมเป็นน้ำพริกแกง มะกรูดทั้งผลนำไปวางในห้องน้ำทำให้มีกลิ่นหอม    นอกจากนี้บางคนยังได้นำผลมะกรูดไปสระผมทำให้ผมสลวยสวยงาม  จากประโยชน์ที่ได้กล่าวมา  มะกรูดจึงเป็นพืชหนึ่งที่มีการพัฒนาใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของมะกรูด เช่นเป็นส่วนผสมของแชมพูสระผม  น้ำยาล้างจาน
6.  เนื้อหา 
      นางถนอมสิน  จูงกลาง ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2539 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรอำเภอโนนสูง ได้เข้ามาส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้การทำน้ำยาล้างจานสำหรับไว้ใช้ในครัวเรือน ต่อมาปี 2548 ได้รับการฝึกอบรมการทำน้ำยาเอนกประสงค์จากน้ำหมักชีวภาพโดยมีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้มาให้ความรู้ถึงประโยชน์ของสารที่มีอยู่ในพืชสมุนไพรอีกหลาย ๆชนิด และรวมถึงประโยชน์จากผลมะกรูดที่สามารถนำมาหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพใช้ทำน้ำยาล้างจานได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หลังจากการอบรมแล้วก็ได้นำความรู้มาปรับปรุงส่วนผสมการหมักผลมะกรูด  ต่อมาปัจจุบันก็ได้นำสูตรการหมักผลมะกรูด  มาทำเป็นผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจานให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์สาธิตการตลาดบ้านจันดุมสำหรับจำหน่ายให้กับสมาชิกและบุคคลทั่วไป

น้ำหมักชีวภาพสูตรมะกรูด
ส่วนประกอบ
                1. มะกรูดแก่                         3              กิโกกรัม
                2. น้ำตาลทรายแดง              1              กิโลกรัม
                3. น้ำเปล่า                             10           ลิตร
วิธีทำ
                1. ใส่ตาลทรายแดง และน้ำลงไปในถังหมักคนให้ละลาย
                2. นำผลมะกรูดล้างให้สะอาด หั่นมะกรูดตามขวางหรือเป็นแว่น
                3. ใส่มะกรูดที่หั่นแล้วลงในถังหมัก ปิดฝาให้สนิท หมักไว้ 3 เดือน จึงนำมาใช้ได้
ข้อควรระวัง    ควรเก็บไว้ในที่ร่ม อย่าให้ถูกแสงแดดหรือถูกฝน
  
น้ำยาล้างจานจากน้ำหมักมะกรูด
ส่วนประกอบ
                1. N70                                    1              ส่วน
                2. เกลือ                                  1              กิโลกรัมต่อน้ำ 2.5 ลิตร
                   (นำมาทำน้ำเกลือ โดยต้มน้ำเกลือ 1 ก.ก.ต่อน้ำ 2.5 ลิตร พอเกลือละลายกรองเอาแต่น้ำสะอาด)
                3. น้ำหมักมะกรูด 1              ลิต ร+ น้ำ 6 ลิตร
วิธีทำ
                1. นำ N70 มาใส่ภาชนะ ใช้ไม้พายคนให้ละลายโดยคนไปทางเดียวกัน
                2. คอยใส่น้ำเกลือทีละน้อย ๆ พร้อมกับคนไปเรื่อย ๆ จนหมด
                3. เติมน้ำหมักมะกรูดเช่นเดียวกับเติมน้ำเกลือ พร้อมกับคนไปเรื่อยๆ จนหมด แล้วตั้งทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้ฟองหมดจึงบรรจุใส่ขวด
ประโยชน์   ใช้ล้างจาน , ใช้ซักผ้า , ใช้ชะล้างอื่น ๆ

7. ส่วนสรุป : การทำน้ำหมักชีวภาพจากผลมะกรูดก็เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาไทยที่มีการพัฒนาวิธีการใช้ประโยชน์จากมะกรูดอย่างต่อเนื่อง การทำยาล้างจานจากน้ำหมักมะกรูดก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่ต้องลงทุนมาก นอกเหนือจากนำมาใช้ในครัวเรือนแล้วยังสามารถนำมาจำหน่ายในชุมชนทำให้มีรายได้เพิ่มและยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีก  สำหรับเกษตรกรอีกหลาย ๆ คนจะลองหันมาทำน้ำยาล้างจานจากน้ำหมักมะกรูดดูบ้างก็ไม่เป็นการผิดกติกาอย่างใด  ซึ่งถ้าหากสนใจผลิตภัณฑ์จากน้ำหมักมะกรูดหรือต้องการจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ นางถนอมสิน  จูงกลาง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์สาธิตการตลาดบ้านจันดุม หมู่ที่  6  ตำบลใหม่  อำเภอโนนสูง   จังหวัดนครราชสีมา โทรศัพท์ 08-17899022









น้ำหมักชีวภาพ - สูตรทำน้ำด่างจากขี้เถ้า สูตรน้ำยาล้างจานมีฟอง

โดยชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน จ.สิงห์บุรี
 

7 ความคิดเห็น: